ชาดำ (Black Tea) สรรพคุณและประโยชน์ของชาดำ 14 ข้อ
ชาดำ
ชาดำ (Black tea) เป็น ชาที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงรูป ซึ่งได้มาจากการเก็บใบชาอ่อน (ใบชาสายพันธุ์ Camellia sinensis) เอามาทำให้แห้งเพื่อลดจำนวนของน้ำลงนิดหน่อย แล้วนำใบชาครึ่งหนึ่งแห้งนั้นไปกดหรือบดด้วยลูกกลิ้ง เพื่อใบชาบอบช้ำ ซึ่งเซลล์ในใบชาจะแตกบอบช้ำโดยใบไม่ขาด และก็โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในเซลล์จะเสื่อมสภาพสารเกิดเป็นวิธีการหมัก นำมาซึ่งการก่อให้เกิดกลิ่นแล้วก็รส จนกระทั่งใบชาเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีทองแดง เมื่อทิ้งเอาไว้ระยะหนึ่งก่อนใช้ความร้อนเป่าไปที่ใบชา (หรือบางทีอาจนำใบชาไปอังไฟ หรือรมด้วยละอองน้ำ) โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีจะสิ้นฤทธิ์ ใบชาเริ่มกลายเป็นสีดำ เมื่อนำไปตากหรืออบให้แห้ง หลังจากนั้นก็บดหรือหั่นตามแต่ประเภทของชา ซึ่งชาที่ได้มานี้จะเรียกว่า ชาดํา
จากการเปลี่ยนแปลงรูปจะมองเห็นได้ว่า ชาดำเป็นชาที่ผ่านการดองอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะต่างจากชาอู่หลงตรงที่ชาอู่หลงนั้นใช้กรรมวิธีการหมักแบบออกซิเดชั่น แม้กระนั้นชาดำจะใช้กรรมวิธีการหมักโดยแบคทีเรียราวกับการเพาะบ่มเหล้าองุ่น ซึ่งแนวทางการหมักนี้จะมีผลให้สามารถหมักชาได้อย่างเต็มเปี่ยม ยิ่งบ่มนานก็ยิ่งได้รสที่ดี ซึ่งชาดำที่มีชื่อเสียงมากมายแล้วก็เป็นที่ชื่นชอบสูงก็คือ “ชาผู่เอ๋อร์” (Pu-erh) จากจีน รวมทั้ง ชาอัสสัม (Assam) จากประเทศอินเดีย
ในขั้นตอนการผลิตชาดำนั้น จะมีผลให้สารเคมีที่มีสาระน้อยลง (คาเทชิน) เมื่อเปรียบเทียบกับชาเขียวที่ไม่ผ่านขั้นตอนการหมัก โดยชาเขียว 100 กรัม จะมีสารติดอยู่เทคุ้นชินคงเหลือราวๆ 14.2 กรัม ตอนที่ชาดำจะมีสารติดอยู่เทคุ้นชินเหลืออยู่เพียงแต่ 4 กรัม แม้กระนั้นอย่างไรก็ดี รวมทั้งยังพบว่าชาดำกับชาเขียวก็มีจำนวนของสารโพลีฟีนอลที่ใกล้เคียงกัน เป็นในใบชา 100 กรัม จะมีโพลีฟีนอลอยู่ราวๆ 15-16 กรัม ด้วยเหตุผลดังกล่าวนักวิทยาศาสตร์ก็เลยการันตีว่า ชาดำก็ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายได้เช่นเดียวกัน แม้กระนั้นนักวิทยาศาสตร์โดยมากก็ยังมั่นใจว่าชาเขียวนั้นมีสาระมากยิ่งกว่า เนื่องด้วยมีสารคาเทชินที่มากกว่านั่นเอง
ดังนี้ ชาดำจะมีรสชาติขมนิดหน่อย ให้รสละมุนกลมกล่อมละมุนละไม เปียกแฉะคอ และก็มีจำนวนของคาเฟอีนเยอะที่สุดในบรรดาชาด้วยกัน หรือราวๆ 40 มก.ต่อถ้วย (แม้กระนั้นก็ยังน้อยกว่าในกาแฟที่มีกาเฟอีนอยู่ 100 มก.ขึ้นไป) ในเรื่องของรสถ้าเทียบชาดำกับชาเขียวแล้ว จะพบว่าชาดำจะมี monoterpene alcohols ซึ่งเป็นสารให้กลิ่นมากยิ่งกว่าชาเขียว ด้วยเหตุดังกล่าวก็เลยทำให้มีผู้นิยมกลิ่นของชาดำมากยิ่งกว่า ส่วนสีของชาดำนั้นจะมีตั้งแม้กระนั้นสีน้ำตาลปนแดงไปจนกระทั่งสีน้ำตาลเข้มจนถึงแทบดำ
สรรพคุณของชาดำ
- ช่วยบำรุงหัวใจ
- ช่วยบำรุงกระเพาะ
- ช่วยในการย่อยอาหาร บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย
- ช่วยบำรุงโลหิตสำหรับสตรีที่มีประจำเดือน
- ในใบชามีสารฟลูออไรด์ที่ช่วยยับยั้งแบคทีเรียในช่องปาก จึงช่วยป้องกันฟันผุ และช่วยลดอาการสึกหรอของฟันได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ของชาดำ
- ชาดำนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเดียวกับ ชาเขียว ชาขาว ชาวอู่หลง จึงช่วยในการล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ และช่วยในการชะลอวัย
- ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แก้อาการง่วงนอน เพราะในชาดำจะมีสารกาเฟอีนที่ทำให้รู้สึกสดชื่น ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและช่วยกระตุ้นระบบกล้ามเนื้อหัวใจ
- จากรายงานของยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน ได้ระบุว่า ชาดำมีผลต่อระดับฮอร์โมนความเครียดในร่างกายที่มีชื่อว่า “คอร์ติซอล” การดื่มชาดำเป็นประจำสม่ำเสมออาจจะช่วยทำให้ความจำดียิ่งขึ้น เพราะชาดำมีผลต่อการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์บางชนิด คือ เอนไซม์ Butyrylcholinesterase ที่มีส่วนร่วมก่อโปรตีน Amyloid Beta ในสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคอัลไซเมอร์
- มีงานวิจัยของศาสตราจารญ์แอนดริว เตรบโต ที่ได้ตีพิมพ์ลงในวารสาร Psychopharmacology โดยระบุว่า จากการทดลองพบว่าคนที่ดื่มชาดำสามารถลดความเครียดได้ง่ายและฟื้นตัวจากความเครียดได้เร็วกว่าคนที่ไม่ดื่มชาหรือได้รับชาดำหลอก อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าสารเคมีอะไรที่มีผลต่อการฟื้นตัวจากสภาพความเครียดดังกล่าว เพราะสารเคมีที่พบในใบชานั้นมีความซับซ้อน และมีสารเคมีหลายตัวที่มีผลต่อการส่งกระแสประสาทในสมอง เช่น amino acids, catechins, flavonoids และ polyphenols เป็นต้น
- ชาดำมีส่วนในการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญ ช่วยละลายไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัว และช่วยในการลดน้ำหนัก (ควรเป็นชาร้อน เพราะจะช่วยลดไขมัน ถ้าเป็นชาเย็นจะทำให้ไขมันเกิดการจับตัว) และจากงานวิจัยของสหรัฐฯ (US. Department of Agriculture) ได้พบว่ากลุ่มชายหญิงที่ดื่มชาดำวันละ 5 แก้ว จะมีระดับคอเลสเตอรอลเลว (LDL) ลดลงประมาณ 6-10% หลังการดื่มชาดำได้เพียง 3 สัปดาห์
- ช่วยลดการดูดซึมของน้ำตาลและไขมันเข้าสู่กระแสเลือด จากงานวิจัยพบว่า ชาดำสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้กับผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี และจากงานวิจัยร่วมของมหาวิทยาลัย Dundee University และมหาวิทยาลัย The Scottish Crop Research Institute ได้รายงานว่า สาร theaflavins และ therubigins ที่พบได้ในชาดำ ทำหน้าที่เลียนแบบอินซูลินตามธรรมชาติ ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอ
- นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา ได้ระบุว่า การดื่มชาดำสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้ เนื่องจากชาดำมีสรรพคุณปรับปรุงสภาพเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจ และยังมีงานวิจัยล่าสุดที่ช่วยยืนยันผลการศึกษาก่อนหน้านี้ว่าชาประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกกันว่า ฟลาโวนอยด์ สารชนิดนี้จะช่วยป้องกันคอเลสเตอรอลไม่ให้ทำลายเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจ ทั้งนี้ก็เพราะโรคหัวใจที่เกิดจากการขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง มีสาเหตุสำคัญอยู่ที่ชั้นบาง ๆ ของเซลล์ที่อยู่บริเวณผนังของเส้นเลือดถูกทำลาย ซึ่งทำหน้าที่ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่น ขยายตัวหรือหดตัวได้ตามที่หัวใจต้องการเลือด และยังช่วยป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อนและผนังเลือดอักเสบอีกด้วย การดื่มชาดำจึงส่งผลในระยะยาวต่อหลอดเลือด ซึ่งจากการทดลองกับอาสาสมัครจำนวน 50 ราย ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้ดื่มชาดำ ส่วนกลุ่มที่สองให้ดื่มน้ำเปล่า ผลการทดลองพบว่ากลุ่มที่ดื่มชาดำวันละ 4 ถ้วย จะมีชั้นบาง ๆ ที่หลอดเลือดไปเลี้ยงหัวใจดีขึ้น แต่ในกลุ่มที่ดื่มน้ำเปล่าไม่มีผลใด ๆ
- มีการศึกษาที่พบว่า คนที่ดื่มชาดำประมาณ 3 ถ้วยต่อวัน จะมีโอกาสเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันลดลงถึง 21%
- ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง จากงานวิจัยพบว่า ชาดำสามารถขจัดสารที่ทำให้เกิดเนื้องอกหรือมะเร็งออกไปได้ โดยเฉพาะมะเร็งปอด ปาก หน้าอก ท้อง ลำไส้ใหญ่ หลอดอาหาร และผิวหนัง
แหล่งที่มา.. medthai…
Read More